ส.อ.ท.เปิดผลสำรวจ CEO พบแนวโน้มราคาสินค้าอาจแพงถึงสิ้นปี

เศรษฐกิจ (ในประเทศ - ต่างประเทศ)

ส.อ.ท.กางผลสำรวจ CEO จากผู้บริหาร 45 กลุ่มอุตสาหกรรมถึงภาวะสินค้าแพง ค่าครองชีพพุ่ง จะช่วยเหลือประชาชนอย่างไร พบแนวโน้มราคาสินค้าแพงจะยาวนานไปอย่างน้อย 3 เดือนและอาจถึงสิ้นปีได้หากราคาพลังงานยังทรงตัวระดับสูง แนะรัฐเร่งตรึงค่าพลังงาน

นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 14 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ภายใต้หัวข้อ “สินค้าแพง ค่าครองชีพพุ่ง จะช่วยเหลือประชาชนได้อย่างไร” พบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. มองว่าปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ และต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบทำให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นในขณะนี้ และคาดว่าภาวะราคาสินค้าแพงจะยาวนานไปอย่างน้อย 3 เดือน หรืออาจยาวไปจนถึงสิ้นปีนี้หากราคาพลังงานยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการสามารถตรึงราคาสินค้าได้อีกแค่ 1-2 เดือนเท่านั้น ดังนั้น จึงเสนอขอให้ภาครัฐเร่งออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนโดยการลดค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าไฟฟ้า, ค่าน้ำประปา, ค่าเดินทาง รวมทั้งลดภาระภาษีและค่าธรรมเนียม เช่น ภาษีสรรพสามิตเชื้อเพลิง และสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีพอื่นๆ เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนในช่วงนี้ นอกจากนี้ ผู้บริหาร ส.อ.ท.ยังคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในปีนี้มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในกรอบ 2-4 เปอร์เซ็นต์

จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 150 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด มีสรุปผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 14 จำนวน 6 คำถาม ดังนี้
1. ปัจจัยใดส่งผลกระทบทำให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นในช่วงนี้ อันดับที่ 1 : ปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ และต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 76.7% อันดับที่ 2 : ราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น 74.0% อันดับที่ 3 : ค่าขนส่งที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง 63.3% อันดับที่ 4 : ปัญหาขาดแคลนแรงงาน และภาระค่าใช้จ่ายด้านแรงงานที่เพิ่มขึ้น 51.3%

2. ภาวะราคาสินค้าแพงจะยาวนานแค่ไหน อันดับที่ 1 : 3-6 เดือน 35.3% อันดับที่ 2 : 6-12 เดือน 34.7% อันดับที่ 3 : มากกว่า 1 ปี 30.0%

3. มาตรการใดมีประสิทธิภาพในการช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน อันดับที่ 1 : ลดค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าไฟฟ้า, ค่าน้ำประปา, ค่าเดินทาง 75.3% อันดับที่ 2 : ลดภาระภาษีและค่าธรรมเนียม เช่น ภาษีสรรพสามิตเชื้อเพลิงและสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีพอื่นๆ 74.7% อันดับที่ 3 : ตรึงราคาน้ำมัน ไม่ให้มีผลต่อต้นทุนสินค้า 66.0% อันดับที่ 4 : มาตรการใช้จ่ายลดค่าครองชีพ เช่น คนละครึ่ง 59.3%

4. ภาคเอกชนจะช่วยเหลือประชาชนในการตรึงราคาสินค้าไม่ให้ปรับขึ้นได้นานเท่าไร อันดับที่ 1 : 1-2 เดือน 40.0% อันดับที่ 2 : 3-4 เดือน 30.7% อันดับที่ 3 : มากกว่า 6 เดือน 16.7%
อันดับที่ 4 : 5-6 เดือน 12.6%

5. เอกชนควรปรับตัวรับมือกับกำลังซื้อของภาคครัวเรือนที่ชะลอตัวอย่างไร อันดับที่ 1 : นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ 77.3% อันดับที่ 2 : นำระบบบริหารจัดการมาช่วยในการลดต้นทุนการผลิต เช่น LEAN, ไคเซ็น 61.3% อันดับที่ 3 : ปรับกลยุทธ์เน้นตลาดต่างประเทศ และการแสวงหาตลาดส่งออกใหม่ๆ 54.0% อันดับที่ 4 : เพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าผ่านตลาดออนไลน์ 50.0%

6. อัตราเงินเฟ้อของไทยในปี 2565 จะอยู่ในระดับใด อันดับที่ 1 : เพิ่มขึ้น 2-4 % 58.0%
อันดับที่ 2 : เพิ่มขึ้นมากกว่า 4% 23.3% อันดับที่ 3 : เพิ่มขึ้นไม่เกิน 2% 18.7%

อ้างอิง
https://m.mgronline.com/business